2 มิ.ย.2568-ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหาร สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า การที่อดีตผู้นำซึ่งไม่มีตำแหน่งทางการเมือง กลับทำหน้าที่เหมือนนายกฯซ้อนอยู่ในร่างประชาธิปไตย ทำให้เกิดข้อกังขาว่า ไทยกำลังเดินหน้าสู่ประชาธิปไตย หรือวนลูปกลับเข้าสู่ “ลัทธิผู้นำเงา” ที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อใคร แต่สามารถบงการได้ทุกอย่าง

เราอาจไม่ได้อยู่ในยุคของ “รัฐประหาร” แต่กำลังอยู่ในยุคของ “อภินิหารเครือญาติ” ที่อำนาจเปลี่ยนมือโดยไม่ต้องเปลี่ยนตำแหน่ง และหากใครกล้าตั้งคำถาม ก็อาจโดนกล่าวหาว่าไม่เข้าใจ “กลยุทธ์แบบไทยๆ” ที่เนียนกว่า AI และซับซ้อนยิ่งกว่าละครช่วงไพรม์ไทม์

บทบาทของนายทักษิณในปัจจุบันอาจไม่ใช่เพียงการให้คำแนะนำหรือแสดงความเห็นเชิงนโยบาย แต่คือการ “จัดวางอำนาจ” อย่างแยบยล ภายใต้โครงสร้างที่เรียบเนียนชนิดที่ไม่ต้องรัฐประหารก็สามารถเปลี่ยนผู้เล่นหลักได้หมดโดยไม่กระพริบตา

ปรากฏการณ์ “ทักษิณพูด – แพทองธารเงียบ” ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของบุคคลสองคน หากแต่เป็นภาพสะท้อนของโครงสร้างอำนาจที่ยังไม่สามารถสลัดพันธนาการจากการเมืองแบบอุปถัมภ์ อิทธิพลเครือญาติ และการเมืองแบบปัจเจกนิยมได้อย่างแท้จริง



เมื่อประชาธิปไตยถูกลดทอนให้เป็นเพียงพิธีกรรม และอำนาจยังถูกกระทำผ่านเงา ประชาธิปไตยก็ไม่ต่างจากเงาสะท้อนในกระจก – มองเห็นได้ แต่จับต้องไม่ได้ อำนาจของแพทองธารที่เป็นอำนาจเสมือนจริงที่ว่างเปล่า สะท้อนความเป็นจริงของอำนาจไทยว่า “ประชาธิปไตยเป็นภาพฉาย รัฐบาลเป็นเงา อำนาจที่แท้จริงอยู่นอกเฟรม”

หากไม่แก้ไขด้วยการเสริมสร้างวัฒนธรรมความรับผิดชอบ และลดอิทธิพลส่วนบุคคลเหนือรัฐ สังคมไทยอาจหลุดพ้นจากระบอบเผด็จการได้ในทางกฎหมาย แต่ยังคงติดอยู่ใน “วัฏจักรประชาธิปไตยจอมปลอม” อย่างไม่สิ้นสุด