หญิง อายุ 28 ปี เจ้าของร้านทุเรียน เล่าว่า บัญชีธนาคารของตนเองนั้นโดนอายัดไปตั้งแต่ช่วงต้นเดือน มารู้ตัวตอนที่จะโอนจ่ายเงินสั่งซื้อทุเรียน 300,000 บาท ซึ่งในแอปฯ ธนาคารมีเงินอยู่ในบัญชีประมาณ 400,000 บาท แต่ไม่สามารถโอนได้ โดยมีข้อความจากระบบว่า ยอดเงินของคุณไม่เพียงพอ พอเห็นแบบนั้นก็ตกใจ รีบไปติดต่อธนาคารทันที โดยทางธนาคารแจ้งว่า ยอดเงินในบัญชีถูกอายัดเอาไว้ เนื่องจากเงินในบัญมีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าที่โอนเข้ามาซื้อทุเรียน โดยบอกให้รอการตรวจสอบ 72 ชม.เมื่อครบ 72 ชั่วโมงจะปลดอายัดให้ หากตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องพอได้ฟังก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเชื่อมั่นว่าเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน มองว่าเงินที่ได้รับมานั้นบริสุทธิ์ทั้งหมด แต่พอครบ 72 ชั่วโมง ยอดเงินก็ยังไม่ถูกปลดอายัด จึงเดินทางไปสอบถามที่ธนาคารอีกครั้ง ทางธนาคารจึงทำการตรวจสอบยอดเงินในบัญชีให้ดูว่า เป็นยอดไหนที่เกี่ยวข้องกับบัญชีม้า และตนเองก็พยายามสอบถามทุกอย่างว่าทำไมถึงโดน ทำไมมีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีม้า



ซึ่งธนาคารตรวจสอบและแจ้งว่าจะมียอดเงินจากบัญชีม้าโอนเข้ามาในบัญชีตนเองจำนวน 16,000 บาท และก็ยิ่งสงสัยเข้าไปอีกว่าในเมื่อธนาคารรู้อยู่แล้วว่าบัญชีม้าโอนเข้ามา 16,000 บาท ทำไมจึงไม่ล็อกแค่เงินจำนวนนั้นแต่ทำไมถึงล็อกยอด 160,000 บาท ซึ่งธนาคารชี้แจงว่า เงินจำนวน 160,000 มีความเชื่อมโยงกัน พร้อมทั้งให้เบอร์ตำรวจไซเบอร์มา ซึ่งตนเองพยายามติดต่อไปแต่ก็โทรไม่ติด สายไม่ว่างตลอด และตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับทางตำรวจแต่อย่างใด



หลังจากที่ทราบว่ายอด 16,000 ถูกอายัดนั้น ตนเองก็ได้ทำการตรวจสอบในบัญชีลูกค้าที่โอนมา เพราะมีไม่กี่รายที่จะโอนเงินหลักหมื่น โดยเป็นลูกค้าชาว สปป.ลาว ซึ่งเป็นลูกค้าประจำ จะสั่งทุเรียนเดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อนำไปจำหน่ายที่ลาว



พร้อมกันนี้ธนาคารยังบอกอีกว่า กรณีการถูกอายัดเงินนั้น อย่างเร็วสุดก็จะประมาณ 7 วัน พอครบ 7 วันก็ยังไม่ปลดอายัดให้ ตนจึงได้โพสต์ข้อความดังกล่าวในโซเชียล หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรมาแจ้งว่า ยอดเงินที่อายัดได้ทำการปลดให้แล้ว พร้อมกับขอโทษที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าก่อนทำการอายัด และยืนยันกับตนเองว่าทุกอย่างที่อายัดเป็นไปตามกระบวนการ



เจ้าของร้านทุเรียน บอกอีกว่า ยอดเงิน 160,000 บาทนั้นจะเป็นยอดรวมขายปลีกและขายส่ง บัญชีธนาคารที่ถูกอายัดเป็นบัญชีสำหรับขายส่ง และบัญชีที่รับโอนเงินหน้าร้านเพื่อขายปลีกจะเป็นอีกธนาคารหนึ่ง โดยยอดเงิน 16,000 บาทที่ลูกค้าชาว สปป.ลาวโอนมาเป็นบัญชีขายปลีก ที่ตนเองจะโอนมารวมไว้ในบัญชีขายส่ง แต่บัญชีที่ลูกค้าชาว สปป.ลาวโอนเข้านั้นไม่ได้ถูกอายัด แต่อายัดอีกธนาคาร ก็ยิ่งทำให้งงว่าทำไมธนาคารรู้อยู่แล้วว่ายอด 16,000 บาทมีความเสี่ยงทำไมไม่อายัดยอดนั้นไปตรวจสอบ



ตอนนี้ก็โล่งใจและดีใจที่ได้เงินคืน แต่ก็รู้สึกไม่สบายใจ ต่อไปก็คงจะลำบากขึ้น ซึ่งวันนี้ก็จะไปถอนเงินสดออกมาทั้งหมด เวลาจะสั่งซื้อของก็ต้องไปที่ธนาคารเพื่อโอนเงิน ทุกอย่างคงไม่ผ่านแอปฯ ของธนาคารอีกแล้ว ในส่วนการสแกนจ่ายเงินที่หน้าร้านก็กำลังปรึกษากันในร้านอยู่ว่าจะยกเลิกหรือไม่ เพราะถ้าไม่รับสแกนจ่ายเงินหน้าร้านก็จะทำให้เกิดผลกระทบตามมา เพราะลูกค้าที่มาซื้อทุเรียนมีมากถึง 80% ที่ใช้วิธีการสแกนจ่ายผ่านแอปฯ



สุดท้ายอยากจะฝากถึงเจ้าหน้าที่ให้มีการแจ้งล่วงหน้าก่อนทำการอายัด เพื่อไม่ให้เกิดความตกใจเหมือนตนเอง หรือเปิดช่องทางให้สามารถชี้แจงได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องให้นำเอกสารหลักฐานต่างๆ มายื่นตรวจสอบกับทางเจ้าหน้าที่เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ไม่ใช่ว่าพอเจ้าหน้าที่บอกว่าเชื่อมโยงกับบัญชีมาก็จะอายัดทันทีแบบนี้